กิจกรรม(Activity)
1. สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรท้องถิ่น
ตอบ การนำหลักสูตรแม่บทมาปรับเพิ่มให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น เพื่อให้ผู้เรียนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง อันจะนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิต โดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ฉบับปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติม
(ครั้งที่ 2) พ.ศ. 2545 (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
2547 : 15) ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ ตลอดจนการศึกษาต่อ
ดังนั้น
สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องจัดทำสาระของหลักสูตร ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ดังนั้น นอกจากโรงเรียนจะจัดเป็นหลักสูตรสถานศึกษา
แล้ว
ยังต้องเพิ่มหลักสูตรท้องถิ่นที่สนองตอบต่อความต้องการของท้องถิ่นที่โรงเรียนอยู่อีกด้วย ความหมายของหลักสูตรท้องถิ่น ก็คือ “การดำเนินงานจัดทำ ขยายเพิ่มเติมเรื่องที่จำเป็นและสำคัญที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เพิ่มเติมตามความต้องการของท้องถิ่น โดยไม่กระทบต่อหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 แต่เป็นการเสริมสร้างต่อยอดให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ เต็มตามศักยภาพและนำไปสู่มาตรฐานของหลักสูตร”
ลักษณะการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น 3 ประเภท คือ
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาโดยท้องถิ่นเองทั้งหมด แต่ต้องเป็นไปตามนโยบายที่ส่วนกลางได้กำหนดไว้ ( หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544
)
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาขึ้นจากหลักสูตรแม่บทที่ส่วนกลางจัดทำ ส่วนกลางของรัฐ จัดทำหลักสูตรแม่บท และเว้นที่ว่างให้ท้องถิ่นมีเสรีภาพในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของท้องถิ่น โดยหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 มีแนวทางการพัฒนาได้เป็น 2 กรณี คือ 1) หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาโดยบางส่วนของหลักสูตรแม่บท กล่าวคือ เป็นการปรับองค์ประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของหลักสูตรแม่บท เช่น ปรับรายละเอียดของสาระการเรียนรู้
เพิ่มเติมกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของท้องถิ่น ทั้งนี้ยังยึดมาตรฐานของหลักสูตรแม่บทอยู่ 2)
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาขึ้นเป็นรายวิชาใหม่ หรือการสร้างหลักสูตรย่อย เพื่อเสริมหลักสูตรแม่บท โดยให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของท้องถิ่น ทั้งนี้ สามารถจัดทำมาตรฐานการเรียนรู้เพิ่มเติมจากมาตรฐานของหลักสูตรแม่บท
หลักสูตรท้องถิ่นที่พัฒนาสำหรับท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ เป็นหลักสูตรที่หน่วยงานในท้องถิ่นพัฒนาเป็นหลักสูตรเฉพาะกิจ และเป็นหลักสูตรระยะสั้น ๆ
เพื่อใช้กับชุมชนหรือท้องถิ่นตามความต้องการและความสมัครใจของผู้เรียน รวมทั้งความสอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของชุมชนในท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น อาทิ หลักสูตรซ่อมเครื่องยนต์ หลักสูตรทำขนม หลักสูตรการทำอาหาร เป็นต้น
ความจำเป็นของการมีหลักสูตรท้องถิ่น
ความจำเป็นของการมีหลักสูตรท้องถิ่นก็เนื่องจากหลักสูตรแกนกลางซึ่งเป็นหลักสูตรระดับชาติ
ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง
อันเนื่องมาจากความต้องการของแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน
จึงต้องมีการนำหลักสูตรระดับชาติมาปรับให้เหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่น โรงเรียนแต่ละแห่งมีหน้าที่จัดการศึกษาให้เหมาะสมกับชุมชนนั้นๆ
เพราะชุมชนแต่ละชุมชนมีสภาพปัญหาและความต้องการแตกต่างกันท้องถิ่นควรต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นของตนเอง
แนวทางในการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่น
ในการพัฒนาหลักสูตรตามความต้องการของท้องถิ่นนั้น
สถานศึกษาสามารถดำเนินการได้ในลักษณะต่อไปนี้
1. ปรับกิจกรรมการเรียนการสอนหรือจัดกิจกรรมเสริม
ในแต่ละกลุ่มวิชาในทุกระดับชั้นโดยปรับปรุง
จากหลักสูตรแกนกลางโดยไม่ทำให้จุดประสงค์ของหลักสูตรเปลี่ยนแปลง
2.
ปรับรายละเอียดของเนื้อหาโดยเพิ่มหรือลดรายละเอียดจากหลักสูตรแกนกลาง
3.
ปรับปรุงหรือเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับท้องถิ่น
4.
จัดทำสื่อการเรียนการสอนขึ้นมาใหม่ เช่นหนังสือเรียน คู่มือครู
หนังสือเสริมประสบการณ์
แบบฝึกหัด หรือสื่ออื่น
ๆเพื่อนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับจุดประสงค์
เนื้อหาและสภาพท้องถิ่นโดยสื่อเหล่านี้อาจใช้กับเนื้อในรายวิชาที่มีอยู่เดิมหรือรายวิชาใหม่ที่พัฒนาขึ้นก็ได้
5.
จัดทำคำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติมจากที่ปรากฏในหลักสูตรแกนกลาง
ทั้งนี้คำอธิบายรายวิชาที่จัดทำขึ้นต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์เนื้อหาและความต้องการของท้องถิ่น
ขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นในการนั้นสามารถดำเนินการได้ทั้งในระดับโรงเรียน
กลุ่มโรงเรียน ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ซึ่งได้มีนักวิชาการ ได้เสนอไว้ 12 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 จัดตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำหลักสูตร
ขั้นที่ 2 ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
ขั้นที่ 3 กำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
ขั้นที่ 4 กำหนดเนื้อหา
ขั้นที่ 5 กำหนดกิจกรรม
ขั้นที่ 6 กำหนดชั่วโมงการเรียน
ขั้นที่ 7 กำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล
ขั้นที่ 8 จัดทำเอกสารหลักสูตร
ขั้นที่ 9 ตรวจสอบคุณภาพและการทดลองใช้หลักสูตร
ขั้นที่ 10 เสนอขออนุมัติใช้หลักสูตร
ขั้นที่ 11 นำหลักสูตรไปใช้
ขั้นที่ 12 ประเมินผลหลักสูตร
2. แลกเปลี่ยนแนวคิดกับเพื่อนนักศึกษา หรือผู้รู้
เกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติการวางแผนพัฒนาหลักสูตร/ โดยอาศัยแนวคิดแบบจำลองSU
Model หรือเลือกจากแบบจำลองที่นักพัฒนาหลักสูตรนำเสนอไว้
ตอบ สามเหลี่ยมแรก เป็นการวางแผนหลักสูตร (Curriculum
Planning) อาศัยแนวคิดการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์
คำถามที่หนึ่งคือ มีจุดมุ่งหมายอะไรบ้างในการศึกษาที่โรงเรียนต้องแสวงหา
เพราะว่าหลักสูตรต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน เพื่อนำไปวางแผนหลักสูตร
มีการกำหนดจุดหมายของหลักสูตร
สามเหลี่ยมรูปที่สอง เป็นการออกแบบ (Curriculum
Design) ซึ่งจะนำจุดหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
มาจัดทำกรอบปฏิบัติ หลักสูตรที่จัดทำขึ้น
จะมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ได้รับการพัฒนาตามกระบวนการของหลักสูตร และหรือ
มีผลสัมฤทธิ์ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตร สอดคล้องกับคำถามที่สองของไทเลอร์ คือ
มีประสบการณ์ศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนควรจัดเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายในการศึกษา
การออกแบบหลักสูตรมีสาระสำคัญทั้งในด้านกระบวนการ และด้านการพัฒนาผู้เรียน หรือ
การออกแบบหลักสูตรมุ่งเน้นความรู้ตามหลักสูตรหรือเนื้อหาสาระ และผลผลิตของหลักสูตร
การออกแบบหลักสูตรก็เพื่อให้มีกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่ตอบสนองจุดหมาย (aim) และจุดมุ่งหมาย (goal) ของหลักสูตร
สามเหลี่ยมรูปที่สาม เป็นการจัดระบบหลักสูตร (Curriculum Organize) ซึ่งจะสังเกตเห็นว่ารูปสามเหลี่ยมนี้กลับหัวคล้ายเงาสะท้อนของสามเหลี่ยมรูปแรก
ในทางปฏิบัติการจัดระบบหลักสูตรเพื่อให้ตอบสนองการวางแผนหลักสูตร
สอดคล้องกับคำถามที่สามของไทเลอร์
คือจัดประสบการณ์เรียนรู้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
ในที่นี้การจัดระบบหลักสูตรให้ได้ประสิทธิภาพมีความหมายรวมถึง
การบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ กล่าวคือ
กระบวนการบริหารที่สนับสนุนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ ที่มีประสิทธิผลมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการนิเทศการศึกษา
การนิเทศการสอนจะมีบทบาทสำคัญเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และบรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตร
สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการอยู่ร่วมกันในสังคม
สามเหลี่ยมรูปที่สี่ การประเมิน (Curriculum Evaluation) เป็นการประเมินทั้งระบบหลักสูตรและผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร
สอดคล้องกับคำถามที่สี่ของไทเลอร์คือ ประเมินประสิทธิผลของประสบการณ์ในการเรียนอย่างไร
เพราะว่าการประเมินผลการเรียน
ความรู้และการจัดการเรียนการสอนจะทำให้นักเรียนได้ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ในสังคม
SU Model คือ
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งมีลำดับขั้นในการสร้างแบบจำลองดังนี้
พื้นฐานแนวคิดและที่มาของแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร SU
model เป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
เพราะได้รับการพัฒนามาจากสามเหลี่ยมมุมบนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร
โดยสามเหลี่ยมมุมบนมาจากการที่ มล.ปิ่น มาลากุล
อธิการบดีและรักษาการคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ได้ให้แนวนโยบายการพัฒนานักศึกษา มุ่งเน้นให้การศึกษา 3 ส่วน คือ จริยศึกษา เป็นการอบรมศีลธรรมอันดีงาม พุทธิศึกษา
ให้ปัญญาความรู้ และพลศึกษา เป็นการฝึกหัดให้เป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์
แนวคิดดังกล่าวนี้เมื่อนำมาพิจารณาถึงเป้าหมายการศึกษา ที่มุ่งการเป็นคนดี คนเก่ง
และมีความสุข เมื่อนำมาปรับใช้กับเป้าหมายในการพัฒนาหลักสูตร จะได้ว่า
เป้าหมายของหลักสูตรที่มุ่งให้ความรู้ (knowledge) ก็คือมุ่งให้ผู้เรียนเป็นคนเก่ง
เป้าหมายของหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผู้เรียน (learner) ก็คือมุ่งให้เป็นคนดี
และเป้าหมายของหลักสูตรที่มุ่งสังคม (society) ก็มุ่งหวังให้สังคมเป็นสุข
ซึ่งกระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้ความสำคัญกับพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรในที่นี้จะประกอบไปด้วย 3 ด้าน นั่นคือ ด้านปรัชญาการศึกษา ด้านจิตวิทยา และด้านสังคม
ซึ่งแต่ละด้านก็จะมีปรัชญาแต่ละชนิดกำกับ
มีการพัฒนาจากรูปสามเหลี่ยมที่นำไปสู่การวางแผนหลักสูตร การออกแบบหลักสูตร
การนำหลักสูตรไปใช้ และการประเมินหลักสูตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น